การพักแบบโฮสเทล หรือ Airbnb ในต่างประเทศดีอย่างไร?

            เมื่อพูดถึงการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่กินงบมากที่สุดก็คือ “ค่าที่พัก” ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียวหรือไปกับเพื่อน การเลือกที่พักที่คุ้มค่าในแง่ของราคาและประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “โฮสเทล” (Hostel) และ “Airbnb” กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักเดินทางรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งความประหยัดและการเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้นแต่การเลือกพักแบบนี้ดีกว่าการพักโรงแรมทั่วไปอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปดูข้อดีที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน

✅ 1. ประหยัดค่าใช้จ่าย – เหลือเงินเที่ยวมากขึ้น

            หนึ่งในข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดของโฮสเทลและ Airbnb คือ ราคาถูกกว่าโรงแรมอย่างมาก โดยโฮสเทล ราคาห้องพักแบบรวม (Dormitory) อาจอยู่ที่เพียงคืนละ 200-600 บาท ขึ้นอยู่กับประเทศที่ไปเที่ยว ส่วน Airbnb จะมีตัวเลือกตั้งแต่ห้องเดี่ยว ห้องแชร์ หรือแม้แต่บ้านทั้งหลัง ที่สามารถเลือกให้ตรงกับงบของผู้เดินทางได้ เหมาะกับใครบ้าง เช่น แบ็กแพ็กเกอร์ /นักศึกษา/นักเดินทางคนเดียว/กลุ่มเพื่อนที่ต้องการแชร์ค่าที่พัก

✅ 2. ได้พบเพื่อนใหม่จากทั่วโลก

            โฮสเทลเป็นแหล่งรวมของนักเดินทางจากหลากหลายประเทศ คุณอาจได้พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือแม้กระทั่งหาเพื่อนร่วมทริปโดยไม่ตั้งใจ หลายโฮสเทลมีพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้องนั่งเล่น ครัว หรือจัดกิจกรรมเล็กๆ เช่น ทัวร์เดินเล่น (Walking Tour) /ปาร์ตี้เล็กๆ /คลาสทำอาหารท้องถิ่น เป็นต้น สิ่งที่ได้จากการพบเพื่อนใหม่ คือ การได้ฝึกภาษาอังกฤษหรือภาษาท้องถิ่นแบบเป็นกันเองอีกด้วย

✅ 3. สัมผัสวิถีชีวิตคนท้องถิ่นมากกว่าเดิม

            Airbnb เปิดโอกาสให้คุณได้เข้าพักในบ้านของเจ้าบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ในชุมชนจริงๆ ซึ่งต่างจากโรงแรมที่มักอยู่ในย่านนักท่องเที่ยว สิ่งที่ได้รับจากการพักที่นี่ คือจะเห็นว่าคนในพื้นที่ใช้ชีวิตอย่างไร ได้แนะนำสถานที่กินเที่ยวที่ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยว บางครั้งเจ้าบ้านก็ดูแลดีเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน นอกจากนี้ เจ้าบ้านบางคนยังให้บริการรับส่ง สนับสนุนเรื่องการเดินทาง หรือมีบริการทัวร์เล็กๆ ซึ่งให้ประสบการณ์ที่ ลึกและจริง มากกว่าทัวร์ใหญ่ๆ ทั่วไป

✅ 4. มีความยืดหยุ่นสูง

            การพัก Airbnb มักมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบบ้าน เช่น ห้องครัว เครื่องซักผ้า โต๊ะทำงาน อินเทอร์เน็ตแรงสำหรับนักเดินทางระยะยาว หรือคนที่ทำงานระหว่างเที่ยว (Digital Nomad) สิ่งเหล่านี้สำคัญมาก เพราะสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนอยู่บ้านจริงๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซักรีด หรือทำอาหารเองได้ ซึ่งตอนนี้ทางโฮสเทลเองหลายแห่งก็เริ่มปรับตัว มีพื้นที่ Co-working Space หรือห้องครัวให้ใช้งานเช่นกัน

✅ 5. มีตัวเลือกที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย

ปัจจุบันคุณสามารถค้นหาและจองโฮสเทลหรือ Airbnb ได้ง่ายผ่านแอปหรือเว็บไซต์ เช่น Booking.com /Hostelworld /Agoda /Airbnb ที่พักพร้อมรีวิวจากผู้เข้าพักจริงให้เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ จึงลดความเสี่ยงเรื่อง “ภาพไม่ตรงปก” ไปได้มาก

โดยการหาที่พักแบบนี้ มีสิ่งที่ต้องระมัดระวัง ดังนี้

            ความเป็นส่วนตัว โฮสเทลห้องรวมอาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความเงียบหรือส่วนตัวมากควรเลือกห้องรวมหญิงล้วน/ชายล้วน หรือห้องเล็กๆ ถ้าไม่ชอบความวุ่นวาย ความสะอาด บางแห่งอาจไม่สะอาดเท่าโรงแรม จะต้องอ่านรีวิวก่อนจอง และเลือกที่พักที่ได้คะแนนดีในด้านความสะอาด

            การสื่อสารกับเจ้าบ้าน (Airbnb) ควรติดต่อเจ้าบ้านล่วงหน้า ตรวจสอบว่าตอบกลับรวดเร็ว และช่วยเหลือดีไหม เช็กนโยบายการยกเลิกและเงื่อนไขก่อนจองเสมอ

            การเลือกพักแบบโฮสเทลหรือ Airbnb คือทางเลือกที่ชาญฉลาดของนักเดินทางยุคใหม่ที่ต้องการ ประหยัดเงิน แลกกับประสบการณ์ที่ลึกและจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการได้เพื่อนใหม่ การเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตระหว่างเที่ยว หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เบื่อความจำเจของโรงแรม ลองเปิดใจพักแบบนี้ดู แล้วคุณอาจพบว่า การเดินทางนั้น “พิเศษ” กว่าที่คิด แค่เปลี่ยนมุมมองการเลือกที่พักค่ะ